ทำความรู้จัก Hardscape ตกแต่งสวนหน้าบ้านให้พรีเมียม ดูแพง

การจัดสวนหน้าบ้าน นอกเหนือจากเรื่องของความสวยงามหรือว่าการเลือกหญ้าหรือต้นไม้ที่นำมาปลูกแล้ว สิ่งหนึ่งที่ช่วยยกระดับสวนให้มีคุณภาพนั่นคือเรื่องของฟังก์ชันการใช้งานและประโยชน์ใช้สอย ซึ่งเป็นส่วนที่เติมเต็มให้เราใช้ประโยชน์จากการจัดสวนได้เต็มที่ และการตกแต่งจัดสวนในรูปแบบหนึ่งที่ตอบโจทย์ในเรื่องนี้โดยตรงเลยก็คือ การจัดสวนฮาร์ดสเคป (Hardscape) วันนี้ tantawanlandscape.com จะมาอธิบายว่าการจัดสวน Hardscape นั้นเป็นอย่างไร และมีอะไรบ้างที่นิยมนำมาตกแต่งสวน

จัดสวน Hardscape

งาน Hardscape เรียกง่าย ๆ ว่าเป็น “สิ่งก่อสร้างในสวน” ประเภทถาวรหรือกึ่งถาวร (พวกที่สร้างไปแล้วรื้อถอนยาก) เกี่ยวข้องกับพวกงานวิศวกรรมต่าง ๆ เช่น งานฐานราก คอนกรีต น้ำพุ น้ำตก ระบบไฟ ระบบสปริงเกอร์ ไปจนถึงระบบระบายน้ำ เพื่อให้ตัวสวนนั้นได้ทั้งความสวยงามและการใช้สอยได้ในระยะยาว ๆ ซึ่งงาน Hardscape นั้นก็มีทั้งเพื่อใช้สอย เพื่อตกแต่ง และเพื่อสนับสนุนงานจัดสวน ซึ่งวันนี้เราจะมาขยายความเบื้องต้นกับความสำคัญของฮาร์ดสเคป การเลือกใช้ และแนวทางออกแบบ Hardscape ในสวนกันก่อนค่ะ

ทำไมต้องงาน Hardscape

ทุกวันนี้การจัดสวนหน้าบ้านได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างชัดเจน ด้วยไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป คนทำงานได้อยู่บ้านมากขึ้น การจัดสวนจึงมีความหลากหลายและความต้องการในรายละเอียดที่มากขึ้น งานฮาร์ดสเคปก็เติบโตขึ้นเช่นกัน โดยสิ่งที่ทำให้งาน Hardscape สำคัญกับงานจัดสวนมาก มีดังนี้

  1. สร้างมิติและเพิ่มคุณค่าให้กับสวนได้ชัดเจน เพราะด้วยการนำสิ่งก่อสร้างหรือวัสดุต่าง ๆ มาผสมผสานกับสวนสีเขียว ทำให้สวนนั้นดูเด่นและมองเห็นแนวคิดของเจ้าของสวนได้ชัด เช่น งานรูปปั้น ประติมากรรม ซุ้มประตู ศาลา ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้นอกจากสร้างความแตกต่างให้สวนแล้ว ยังเพิ่มคุณค่าทางจิตใจของเจ้าของและผู้พบเห็น (Aesthetic Value)
  2. ฮาร์ดสเคปจะเพิ่มส่วนที่ใช้สอยสะดวกสบายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นลานพัก ซุ้มไม้เลื้อย เฉลียง หรือศาลา ที่อยู่ในสวน จะทำให้เราใช้งานได้สะดวกขึ้น มากกว่าใช้กับสวนตรง ๆ ที่อาจมีข้อจำกัดเรื่องความเปียกชื้น ความสกปรก หรือทำให้หญ้าเสียหายได้
  3. ช่วยเรื่องความปลอดภัยในการใช้งานพื้นที่ นอกจากความสะดวกแล้ว ยังช่วยเรื่องความปลอดภัยด้วย เช่น กำแพง หรือรั้วป้องกันจากภายนอก การใช้ไฟส่องสว่างตามทางเดินเพื่อการมองเห็นที่ดี การทำบันไดสวนต่างระดับ หรือทำทางเดินสำหรับผู้สูงวัยและเด็กเล็ก
  4. แก้ปัญหาอื่น ๆ ในการจัดสวนได้หลายอย่าง เช่น การทำผนัง รั้ว หรือกำแพง เพื่อปิดบัง พรางตาบางส่วนของสวนที่ไม่น่ามอง หรือสร้างความเป็นส่วนตัว ลดและจำกัดพื้นที่การดูแลต้นไม้ให้ไม่ต้องดูแลมากเกินไป หรือจะทำเป็นพื้นแข็ง พวกคอนกรีต หญ้าเทียม สวนหิน ในพื้นที่ที่เป็นร่มเงามาก ๆ จนไม่สามารถปลูกหญ้าหรือต้นไม้ให้เจริญเติบโตได้
  5. สอดคล้องกับแนวคิดความยั่งยืดด้านการลดการใช้พลังงาน และทรัพยากร รับกับเทรนด์ปัจจุบันที่เน้นเรื่องความยั่งยืน เพราะฮาร์ดสเคปนั้นจะเป็นการจัดสวนที่ ลดการดูแลรักษา ลดการใช้พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ ทำให้เรายิ่งประหยัดค่าน้ำ หรือค่าดูแลรักษาอื่น ๆ

จัดสวน Hardscape

การเลือกใช้ฮาร์ดสเคปในสวน

แนวทางการออกแบบ Hardscape ที่สวยงามนั้น ควรเริ่มมาจากการคำนึงถึงการใช้งานสวนนั้น ๆ ก่อน เช่น​อยากจะมีสวนที่มีทางเดินไปรอบ ๆ สวน หรือมีทางเรียบสำหรับให้คนสูงวัยและเด็ก ๆ ในบ้านได้ใช้งาน มีศาลาไว้นั่งพักผ่อนหย่อนใจไม่อุดอู้อยู่ในแต่บ้าน เป็นต้น จากนั้นค่อยนำแนวคิดเหล่านี้ไปพัฒนาเป็น ฮาร์ดสเคป ที่ใช้ได้จริง

จัดสวน Hardscape

จากนั้นสิ่งที่ต้องคิดต่อมาคือเรื่องวัสดุ ท่ีต้องมองเรื่องความคงทนแข็งแรงมาก่อนเพราะต้องโดนแดดและฝนตลอดทั้งปี โดยการเลือกใช้ Hardscape นั้น คนออกแบบสวนจะต้องวิเคราะห์ข้อมูล ความต้องการ และงบประมาณของเจ้าของสวน และประเมินเรื่องผลกระทบต่าง ๆ เช่นกัน เช่น ส่งผลต่อความเป็นอยู่ของเจ้าของบ้านและสภาพแวดล้อมของสังคมที่อยู่ร่วมกัน ทั้งในช่วงก่อสร้างและหลังก่อสร้างอย่างไรบ้าง และที่สำคัญคือสัดส่วนของสวนนั้นควรจะเป็น Hardscape หรือซอร์ฟสเคป (Softscape) มากน้อยแค่ไหน  จัดสวน Hardscape

Hardscape ต่างกับ Softscape อย่างไร?

อย่างที่เราทราบมาแล้วว่า Hardscape คืองานพวกโครงสร้างต่าง ๆ ในสวนไม่ว่าจะโครงสร้างงานตกแต่งหรือใช้งานจริง เช่น น้ำตก บ่อน้ำ รูปปั้น ศาลา กำแพงหิน รั้วบ้าน รวมทั้งวัสดุปูพื้น ขณะที่ Softscape จะเป็นองค์ประกอบที่เน้นธรรมชาติ เน้นพรรณไม้ต่าง ๆ และน้ำ เช่นพวก สนามหญ้า ต้นไม้ ทำให้สวนมีความสมูทมากขึ้น ลดความแข็งกระด้านจากงานฝั่งฮาร์ดสเคปลงไป ซึ่งสำคัญมากที่เวลาออกแบบสวนจริงนั้น การให้สัดส่วนระหว่าง Hardscape และ Softscape จะต้องลงตัวเพื่อความสมดุล

จัดสวน Hardscape

สัดส่วนของ Hardscape และ Softscape เท่าไหร่ถึงเหมาะสม

จริง ๆ แล้วการจัดสวนหน้าบ้าน สัดส่วนของ Hardscape และ Softscape มักไม่ตายตัว ขึ้นกับวัตถุประสงค์การใช้งาน เช่น ถ้าสวนสไตล์โมเดิร์นเราอาจพิจารณาให้มี Hardscape ได้ 50% ขึ้นไปของสวน แต่หากเป็นงานสวนที่อยากได้สไตล์ tropical ให้อิงธรรมชาติก็เพิ่ม Softscape ให้มากประมาณ 70% เพื่อให้ต้นไม้ปกคลุมครึ้มไปทั่วสวน แต่ที่สำคัญอีกประการคือ ใน Hardscape นั้น 75% ควรเป็น Hardscape ที่น้ำซึมผ่านได้ ร่วมกับการออกแบบให้มีการระบายน้ำที่ดีด้วยค่ะ

แนวทางการออกแบบ Hardscape ในสวน

  • Hardscape จะมีผลต่อการมองเห็นง่าย ดังนั้นการออกแบบ Hardscape ต้องมีเหตุผลว่าสร้างมาเพื่ออะไร ตอบสนองความต้องการต่อกิจกรรมและประโยชน์คุ้มค่ากับงบประมาณ
  • Hardscape ควรออกแบบให้เหมาะสมตอบโจทย์ทั้งเรื่องความสวยงาม การใช้สอย และสไตล์ของสวนนั้นด้วยเพื่อทำให้อัตลักษณ์ของสวนเด่นขึ้น
  • ขนาด รูปทรง สี และพื้นผิววัสดุของ Hardscape ต้องไม่เทอะทะ ควรมีลักษณะโปร่ง บาง ใช้สีโทนอ่อน จัดวางในตำแหน่งที่ช่วยเปิดพื้นที่ให้ดูกว้างขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่สวนที่มีขนาดจำกัด
  • หลีกเลี่ยงการจัดวางพื้นคอนกรีตที่มีขนาดใหญ่บริเวณทิศใต้และทิศตะวันตกของบ้านหรืออาคาร เพราะเป็นทิศที่ได้รับแสงอาทิตย์สูงสุดโดยเฉลี่ยในรอบปี
  • การออกแบบจัดสวนควรใช้งานของฝั่ง Hardscape มาเป็นตัวหลักในการวางคอนเซปต์ก่อน เพื่อกำหนดสไตล์สวนขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นสวนไทย สวนญี่ปุ่น สวนอังกฤษ ฯลฯ เพราะสวนเหล่านี้จะเด่นขึ้นได้ทันทีด้วยงาน Hardscape จากนั้นค่อยเติม Softscape เข้ามา
  • Hardscape เป็นส่วนงานที่ต้องใช้งบประมาณ และเกี่ยวข้องกับงานโครงสร้าง พวกงานระบบ เพื่อความปลอดภัยคงทน จำเป็นต้องอาศัยการออกแบบและก่อสร้างที่ถูกต้องโดยผู้เชี่ยวชาญและมีวิศวกรเป็นผู้ออกแบบนะคะ

และนี่ก็คือข้อควรรู้เบื้องต้นสำหรับใครที่คิดจะเริ่มการจัดสวน Hardscape ซึ่งหากมีข้อสงสัยหรือพบปัญหาอื่น ๆ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมกับทางไร่หญ้าทานตะวัน เราคือผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบจัดสวน-ดูแลสวน ประสบการณ์หน้างานจริงกว่า 20 ปี มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดสวนพร้อมให้บริการทั่วประเทศ การันตีคุณภาพ ได้สวนตรงปกตามสเป็คที่ลูกค้าต้องการ พร้อมดูแลเคสบริการหลังการขายที่ประทับใจ ดูตัวอย่างผลงานของเราได้ที่นี่