สำหรับในเมืองไทย ในปี ๆ หนึ่งเราจะเห็นว่านอกจากช่วงหน้าร้อนจัด ๆ ต่อเนื่องแล้ว ยังมีช่วงหน้าฝนที่มาพร้อมอุทกภัยต่าง ๆ ทั้งน้ำท่วม ฤดูน้ำหลาก ซึ่งทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมขัง สร้างความเสียหายให้กับผลิตผลทางการเกษตรเช่นเดียวกับสวนหน้าบ้านและต้นไม้ต่าง ๆ ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ซึ่งปัญหาสำคัญอีกประการที่ต้องคำนึงถึงก็คือ เรื่องของการฟื้นฟูสวน และต้นไม้ ทำอย่างไรได้บ้าง จะแก้อย่างไร วันนี้ทีมงาน tantawanlandscape.com มีสรุปไว้แล้วค่ะ
แนวทางแก้ไขเมื่อน้ำท่วมสวนหน้าบ้าน
สิ่งที่แรกที่ต้องคำนึงก่อนลงมือจัดสวนคือเรื่องการระบายน้ำ ยิ่งหากเป็นบ้านพักอาศัยยิ่งต้องให้ความสำคัญ เพราะหากพื้นที่สวนมีน้ำขัง นอกจากเจ้าของบ้านจะใช้พื้นที่ไม่ได้แล้ว ยังทำให้พรรณไม้ต่าง ๆ ในสวนได้รับความเสียหาย ทรุดโทรมและตายลงได้ สำหรับสาเหตุการเกิดปัญหาน้ำท่วมขัง หลัก ๆ มีดังนี้
- สวนหน้าบ้านอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ ทำให้มีปริมาณน้ำจากที่อื่นไหลเข้ามาได้
- พื้นที่นั้นถูกปิดล้อม ไม่มีทางระบายน้ำออกจากพื้นที่
- สภาพเนื้อดินเป็นดินเหนียวมาก ทำให้อัตราการซึมน้ำน้อย
- ท่อระบายและบ่อพักน้ำในบ้านรับน้ำจากพื้นที่ไม่ได้ อาจเกิดจากความลาดเอียงไม่เพียงพอ มีการทรุดตัวของท่อหรือบ่อพัก มีสิ่งอุดตันในท่อระบายหรือบ่อพักจนไม่สามารถช่วยรับน้ำจากผิวดินได้ เช่น ขอบบ่อพักสูงกว่าระดับผิวดิน แบบนี้ต้องแก้ที่ความสูงของฝาท่อ
สำหรับการระบายน้ำนั้น มีหลักสำคัญที่ต้องจำขึ้นใจเลยก็คือ สวนของเราควรระบายน้ำออกได้ทันทีหลังฝนตกใหม่ ๆ ไม่เกิน 1-2 ชั่วโมง หมายความว่าหลังฝนหยุดตกไป 1-2 ชั่วโมงแล้ว ต้องสามารถเข้ามาใช้สอยพื้นที่ได้ เพราะหากเกิดน้ำขังในพื้นที่นานเกินไป จะเกิดความเสียหายกับสวนหน้าบ้านของเราอีกมากมาย อาทิ
- ดินขาดออกซิเจน ซึ่งออกซิเจนสำคัญมากต่อรากพืช ที่จะช่วยให้รากพืชนั้นแผ่ขยายและมีพลังงานในการดูดลำเลียงน้ำและแร่ธาตุต่าง ๆ ได้ดี ถ้าขาดออกซิเจน จะทำให้พืชตายลงได้
- ดินที่ขาดออกซิเจนจะทำให้การย่อยสลายอินทรียวัตถุของจุลินทรีย์หยุดชะงัก จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ก็จะตายลงไปด้วย
- ดินที่มีน้ำท่วมขังบ่อย ๆ ดินจะแน่นและเหนียว ทำให้พืชหลักไม่สามารถเติบโตได้และเกิดวัชพืชแทรกจำนวนมากแทน
- ดินที่เกิดน้ำท่วมขังนานไป จะเกิดสารพิษในดิน ทำให้รากพืชเสียหาย ธาตุและอาหารจะเปลี่ยนสภาพเป็นพิษต่อพืชได้
หลังน้ำลดแล้ว ต้องทำอย่างไร
- ดินจะยังเปียกหรือชุ่มน้ำ ห้ามเดินย่ำผิวดินเด็ดขาด เนื่องจากดินรอบระบบรากยังอิ่มตัวด้วยน้ำ ควรทิ้งให้แห้งประมาณ 2 วัน ให้หน้าดินแห้งก่อน
- ถ้าดูแล้วต้นไม้ทรงตัวไม่ค่อยดี ทำท่าจะล้ม อย่ากดดินให้แน่น หรือเติมดินเข้าไปเพิ่ม เพราะรากยังหาอาหารไม่ได้ สิ่งแรกที่ต้องทำคือใช้ไม้มาค้ำยันไว้กันล้มก่อน
- เมื่อหน้าดินเริ่มแห้ง ให้เริ่มใช้ปุ๋ยที่มี NPK ในอัตรา 1:1:1 ผสมน้ำตาลทราย 1% ฉีดพ่นให้ต้นไม้ 2-3 ครั้ง ห่างกัน 3 วัน ต่อครั้ง เพื่อคืนสภาพ และเร่งสร้างระบบรากที่ต้นไม้
- ดูที่ใบหากเหลือง เหี่ยวไม่สดใส ตัดแต่งกิ่งให้โปร่ง จะช่วยกำจัดรากที่เสียหายได้ ทำให้แสงแดดส่องมาถึงดีขึ้น
- ให้ลอกขุดพืชคลุมดินที่ตายทิ้งไปเลย ส่วนต้นที่รอดให้ขุดขึ้นมาไปพักที่กระถางชั่วคราว
- ช่วง 5 วันแรกหลังน้ำลดไม่ควรให้น้ำหรือปุ๋ย หรือยาอะไรกับต้นไม้ รอให้ต้นไม้เริ่มฟื้นตัวได้เองแล้วค่อยให้น้ำน้อย ๆ ก่อนแล้วควรให้ปุ๋ยทางใบแทน เพื่อเร่งการเติบโตของราก
- เมื่อต้นไม้เค้าฟื้นตัวดีขึ้นแล้วค่อย เริ่มปรับพื้นที่ ปรับดินให้ร่วนซุย เพื่อระบายน้ำให้ดี
น้ำท่วมบ่อย ปลูกต้นอะไรดี
ถ้าพื้นที่ที่เราอยู่ดันมีน้ำท่วมบ่อยครั้ง นอกจากการแก้ปัญหาเรื่องการระบายน้ำแล้ว อีกจุดที่เราลดความเสี่ยงได้คือการเลือกต้นไม้หรือพืชพรรณที่มีคุณสมบัติทนน้ำท่วมขังได้ดี เช่น
สนใจปลูกสนามหญ้าหน้าบ้านหรือปลูกต้นไม้แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร มีข้อสงสัยหรือพบปัญหาอื่น ๆ สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมกับทางไร่หญ้าทานตะวัน เราคือผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบจัดสวน-ดูแลสวน ประสบการณ์หน้างานจริงกว่า 20 ปี มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดสวนพร้อมให้บริการทั่วประเทศ การันตีคุณภาพ ได้สวนตรงปกตามสเป็คที่ลูกค้าต้องการ พร้อมดูแลเคสบริการหลังการขายที่ประทับใจ ดูตัวอย่างผลงานของเราได้ที่นี่