จริงอยู่ที่การมีสนามหญ้าหน้าบ้าน ทำให้เรารู้สึกสดชื่น และเป็นพื้นที่พักผ่อนให้คนอยู่อาศัย แต่ว่าสิ่งที่ต้องแลกมาอย่างหนึ่งก็คือ ทำอย่างไรให้สวนหน้าบ้านของเราสุขภาพดี เขียวขจีได้ตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเจอสภาวะอากาศแบบไหนก็ยังรอดได้ทุกซีซั่น ซึ่งถือเป็นโจทย์อันท้าทายของคนมีสวนอย่างมาก ที่หากไม่ดูแลดี ใกล้ชิดขึ้นเขียวสวยไปเลย ก็ไม่มีเวลาดูแล ต้องปล่อยรกชัฏไป กลายเป็นภูมิทัศน์หมอง ๆ ของบ้านไปเอง
การที่จะทำให้สนามหญ้าของเราเขียวขจีขึ้นสวยได้ตลอดรอดฝั่งนั้น สิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญด้วยก็คือเรื่องของ รูทีนในการดูแลทั้ง หญ้า ต้นไม้ให้ถูกวิธี เหมาะสมกับสายพันธุ์ของหญ้าที่ปลูกและต้นไม้ที่เอามาลง วันนี้ทีมงาน tantawanlandscape.com มาแชร์ว่า สิ่งที่คนมีสวนหน้าบ้านต้องเจอระหว่างการดูแลสวนนั้นมักมีอุปสรรคอะไรบ้างที่ทำให้คนส่วนมากปลูกหญ้าสวนแล้วเจอปัญหาจนไม่ไปต่อ และวิธีแก้เบื้องต้นให้ค่ะ
1. วัชพืชขึ้นสนามหญ้า
ปัญหายอดฮิตทุกคนที่ปลูกหญ้า แต่ละคนต้องเคยเจอปัญหาเรื่องวัชพืชที่ขึ้นแซมสนามหญ้าของเราอยู่เรื่อย ๆ ทำให้ต้นหญ้าที่เราปลูกได้รับความเสียหาย ไม่เหลืองก็แห้งตาย วิธีการกำจัดแนะนำให้สิ้นซากก็มีหลายวิธี แต่เราจะเน้นใช้วิธีธรรมชาติแทนสารเคมี ซึ่งมีดังนี้
- ดึงออกด้วยมือเปล่า รดน้ำให้ดินเปียกชุ่ม แล้วค่อยถอนออกทั้งราก
- ใช้ม่านพลาสติกหรือ หนังสือพิมพ์ มาคลุมบริเวณที่วัชพืชขึ้น เพื่อให้สังเคราะห์แสงไม่ได้ และเฉาตายไปเอง
- ฉีดน้ำส้มสายชูลงไปที่วัชพืชตรง ๆ จะทำให้ป้องกันไม่ให้วัชพืชเติบโตมาแย่งอาหาร แต่ต้องระวังไม่ให้ฉีดพ่นโดนหญ้าหรือต้นไม้ของเรา
- ใช้เบกกิ้งโซดา หยิบมาแค่ 1 กำมือแล้วโรยไปบริเวณที่มีวัชพืช
- ใช้น้ำร้อน ๆ ต้มเดือด ๆ มาราดบริเวณวัชพืชก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทำได้
2. สนามหญ้าเว้าแหว่งเป็นหย่อม ๆ
อีกหนึ่งภาพที่เราคุ้นเคยเลยก็คือ สนามหญ้าที่มีช่วงแหว่ง ๆ ไม่ได้เขียวสม่ำเสมอเท่ากันทั้งผืน วิธีการคือให้ถอนเศษหญ้าแล้วปรับหน้าดินใหม่ในบริเวณนั้นก่อน จากนั้นปลูกหญ้าใหม่ลงไปแล้วรดน้ำให้ชุ่ม พร้อมหาพืชมาปลูกคลุมดินให้บริเวณนั้นมีความชุ่มชื้นเพิ่มขึ้น พยายามรดน้ำเยอะ ๆ บ่อย ๆ ในช่วง 2 สัปดาห์แรก จนหญ้าใหม่ค่อย ๆ เติบโตขึ้นมา หรือหากไม่มีเวลาก็ใช้หญ้าแผ่นสำเร็จรูปมาปูเสริมได้ แต่ต้องดูเรื่องของขนาด สีของหญ้าให้ใกล้เคียงกัน
3. หญ้าแห้งตายเป็นบริเวณกว้าง
เพิ่มความรุนแรงจากข้อที่ 2 จนทำให้สวนหน้าบ้านของเราดูทรุดโทรม ไม่เหลือสภาพ แบบนี้ต้องเช็คก่อนเลยว่า มีพวกเชื้อราหรือศัตรูพืชมาก่อกวนหรือเปล่า ซึ่งอาจจะพึ่งยากำจัดศัตรูพืชบางชนิด แนะนำให้ติดต่อผู้เชี่ยวชาญเรื่องหญ้าจัดสวนมาดูแลเพิ่มเติม เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยากำจัดศัตรูพืช
4. มีน้ำท่วมขังในสนามหญ้า
มักจะเจอปัญหานี้ในช่วงหน้าฝน รวมทั้งพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งเราต้องปรับมาใช้หญ้าหรือต้นไม้ที่มีคุณสมบัติทนต่อสภาวะน้ำท่วมขังได้ เช่นพวกไม้ยืนต้นอย่าง ต้นจันทร์ผา ต้นจั๋ง ก็เอาอยู่
5. ต้นหญ้าเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
สันนิษฐานได้ว่าเกิดเชื้อราในบริเวณดังกล่าว ซึ่งอาจมาจากความชื้น วิธีการแก้ให้แก้ที่ความชื้นก่อนเช่น ไปจัดการเรื่องการระบายน้ำให้ดินใหม่ บวกยาฆ่าเชื้อรา รวมทั้งใส่ปุ๋ยบำรุงมากขึ้น
6. มีเห็ดขึ้นบนสนามหญ้า
ถ้าเห็นเห็ดมาขึ้นแซมที่สนามหญ้าของเรา ก็แปลว่ามันจะมาพร้อมกับเชื้อราและความชื้นที่ส่งผลกับสนามหญ้าของเราแน่นอน อาจเป็นการลดปริมาณน้ำที่ลด และจัดการเรื่องการระบายน้ำในดินอีกเช่นกัน
ข้อควรระวังเรื่องปุ๋ยและสารเคมี
สิ่งที่หลายคนมักทำในการแก้ปัญหาเวลาหญ้าเหลือง คืออัดปุ๋ยเข้าไป ซึ่งจริงอยู่ที่ปุ๋ยไนโตรเจนช่วยทำให้ต้นหญ้าเติบโตได้ดี แต่หากใส่ปริมาณมากเกินไป ก็จะกลายเป็นสารตกค้างในดิน กลายสภาพดินเป็นพิษสำหรับต้นหญ้าไปเลยก็ได้ นอกจากนี้ เราต้องระมัดระวังอย่างยิ่งในการเลือกใช้สารเคมีมากำจัดศัตรูพืช ที่มีผลข้างเคียงกับสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ สนามหญ้านั้นโดยตรง แนะนำว่าโฟกัสที่การใช้วิธีธรรมชาติก่อนเป็นอันดับแรกนะคะ
สนใจอยากปลูกต้นไม้หรือจัดสวน แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร มีข้อสงสัยหรือพบปัญหาอื่น ๆ สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมกับทางไร่หญ้าทานตะวัน เราคือผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบจัดสวน-ดูแลสวน ประสบการณ์หน้างานจริงกว่า 20 ปี มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดสวนพร้อมให้บริการทั่วประเทศ การันตีคุณภาพ ได้สวนตรงปกตามสเป็คที่ลูกค้าต้องการ พร้อมดูแลเคสบริการหลังการขายที่ประทับใจ ดูตัวอย่างผลงานของเราได้ที่นี่